สาระน่ารู้

สาระน่ารู้ และบทความที่น่าสนใจ

บ้านและสวนแฟร์ 2021 ที่ ไบเทค บางนา

บ้านและสวนแฟร์ 2021 ที่ ไบเทค บางนา

สวนเกษตร 32 ร่วมออกบูทที่ งานบ้านและสวน 2021

พบกับบูธของ “สวนเกษตร 32” ที่งาน “บ้านและสวนแฟร์ : select 2021” ในวันที่ 17-21 มีนาคม 2564 นี้
ที่ ไบเทค บางนา / บูธ B9-B10, B28-B29
เตรียมชม เตรียมช๊อป และเก็บภาพ บรรยากาศสวยๆ กับการตกแต่งบูธสไตล์ฮอลแลนด์ของเรา
👀 🛍 📸

พบกับสินค้ารายการพิเศษ จำนวนจำกัด ในงาน บ้านและสวนแฟร์

ในงานนี้ เราขนไม้ดอกไม้ประดับคุณภาพสูงเกรดพรีเมียม  และวัสดุปลูกคุณภาพ มานำเสนอแก่ทุกท่านเช่นเคย
และยังมีสินค้าที่เป็น Limited Edition ของเรามาจัดแสดงและจำหน่ายอีกด้วยค่ะ

  • หน้าวัวทูอินวัน (2 in 1)
  • หน้าวัวสีดำ สายพันธุ์ Love Black
  • หน้าวัวสายพันธุ์พิเศษกระถางใหญ่ 9”
  • คล้ากระถางใหญ่ 7” และ 9”
  • คล้าสายพันธุ์แคระพิเศษ Mini Makoyana
  • Alocasia Sarian
  • Alocasia Zebrina
  • Alocasia Stingray
  • Philodendron Birkin ลายด่างพิเศษ ไม่ซ้ำใคร
หน้าวัว Mystique
หน้าวัว Million Flowers Red
หน้าวัว 2-in-1
หน้าวัว Vanilla

ช้อปครบ 1,200+ บาท > รับฟรีทันที กระเป๋าผ้าสปันบอนด์ลดโลกร้อน

พิเศษ! เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,200 บาทขึ้นไป รับฟรี กระเป๋าผ้าสปันบอนด์ลดโลกร้อน (สินค้ามีจำนวนจำกัดต่อวัน ซื้อก่อนมีสิทธิ์ก่อนนะคะ)
ต้องขอบอกว่างานนี้ยิ่งใหญ่และพิเศษจริงๆค่ะ ใครที่เป็นแฟนของ 🇹🇭สวนเกษตร 32🇹🇭 ไม่ควรพลาดนะคะ
^_^ แล้วพบกันค่ะ ^_^
ไฮเดรนเยีย
บีโกเนีย
เฟิร์นโอซาก้า
บีโกเนีย
กระเป๋าผ้าสปันบอนด์ลดโลกร้อน สวนเกษตร 32

แชร์หน้านี้
Posted by Ornusa Ongsuwan in ข่าวสาร
7 คำแนะนำ การดูแล หน้าวัวกระถาง

7 คำแนะนำ การดูแล หน้าวัวกระถาง

หน้าวัวกระถาง ดูแลยังไงดี?

การดูแล หน้าวัวกระถาง สำหรับใครที่เลี้ยง หน้าวัวกระถาง ในบ้าน เรามีวิธีดูแลต้นหน้าวัวให้สวยงามไปนานๆมาฝากค่ะ

1. ตั้งวางในที่มีแสงรำไร

ควรวางในที่มีแสงรำไร
ไม่มีแดดจัดจนเกินไป หรืออยู่ในร่มจนเกินไป

แสงสำหรับหน้าวัว

2. การรดน้ำ

  • รดน้ำวันละ 1 ครั้ง ในตอนเช้าที่บริเวณโคนต้น
  • เลือกใช้น้ำที่ไม่มีคลอรีน เช่น น้ำฝน น้ำดื่ม
  • หากต้องใช้น้ำประปา ให้รองน้ำใส่ภาชนะที่ไม่มีฝาปิด ตั้งทิ้งไว้ 2-3 วันก่อนนำมาใช้
การรดน้ำหน้าวัว

3. การให้ปุ๋ย

  • ใส่ปุ๋ยเดือนละ 1 ครั้ง หรือ 2 เดือนครั้ง ประมาณ ครึ่งช้อนชา / กระถางขนาด 7 นิ้ว
  • แนะนำให้ใช้ปุ๋ยเม็ดละลายช้า
  • ปุ๋ยสูตร 15-7-15, 16-16-16, หรือ 17-17-17 ก็ได้ค่ะ
การให้ปุ๋ยหน้าวัว

4. เพิ่มความชื้น

  • เพิ่มความชื้นในอากาศด้วยการพ่นละอองน้ำ (Foggy)
  • แนะนำให้ฉีดพ่นบริเวณใบ และโคนต้น
  • หลีกเลี่ยงการทำให้ดอกเปียก เนื่องจากอาจทำให้ปลีดอกขึ้นราได้
ความชื้นสำหรับหน้าวัว

5. จานรองกระถาง

  • ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถางตลอดเวลา
  • เนื่องจากอาจทำให้รากต้นหน้าวัวเน่าได้
จานรองกระถางหน้าวัว

6. การตัดแต่ง

  • ตัดแต่งใบและดอกเก่าที่เหี่ยวออกเป็นประจำ
  • เพื่อสงวนอาหารให้กับใบและดอกใหม่
การตัดแต่งหน้าวัว

7. การย้ายกระถาง

  • ควรย้ายกระถางเมื่อต้นมีขนาดใหญ่ขึ้น
  • เลือกใช้วัสดุที่โปร่งและระบายน้ำได้ดี ใหม่ สะอาด ปราศจากเชื้อโรค
ย้ายกระถางหน้าวัว

นอกเหนือจาก 7 ข้อแนะนำข้างต้นแล้ว ท่านผู้อ่านยังสามารถดาวน์โหลด เอกสารเพิ่มเติม (PDF) เกี่ยวกับการดูแลต้นหน้าวัวได้อีกด้วย


แชร์หน้านี้
Posted by Ornusa Ongsuwan in การดูแลต้นไม้
การดูแลต้นไม้ในฤดูร้อน

การดูแลต้นไม้ในฤดูร้อน

รดน้ำเมื่อใด ควรรดน้ำเมื่อพบว่าวัสดุปลูกหรือดินเริ่มแห้ง สำหรับไม้กระถาง หากพบว่าวัสดูปลูกยังชุ่มและหนักอยู่ ก็อาจจะเว้นการรดน้ำไปก่อนได้

รดน้ำเวลาไหน ควรรดน้ำช่วงเช้าหรือเย็น หรือในช่วงที่อากาศไม่ร้อนจนเกินไป หากใช้สายยางรดน้ำควรให้แน่ใจว่าน้ำที่ค้างอยู่ในสายยางไม่ร้อน (เช่นกรณีที่สายยางตากแดดมาทั้งวัน) หรืออาจจะเปิดไล่น้ำที่ค้างอยู่ในสายยางออกไปก่อนก็ได้ โดยทั่วไปอาจรดน้ำวันละครั้ง แต่หากพบว่าถ้าวัสดุปลูกหรือดินแห้งมากๆ อาจรดวันละ 2 ครั้งเช้าและเย็น

รดน้ำอย่างไร ควรรดรอบโคนต้นไม้ให้ชุ่มและรดพุ่มใบ ด้วยเพื่อให้ใบพืชซึมซับน้ำ เข้าทาง ปากใบ และลดการคายน้ำ อย่างไรก็ตามกรณีที่เป็นไม้ดอกควรระมัดระวังไม่ให้น้ำไปโดนส่วนของดอกไม้ หลังรดน้ำสายยางควรม้วนเก็บให้เรียบร้อย ไม่ควรวางทับสนามหญ้า เพราะนอกจาก จะดูไม่เรียบร้อย น้ำที่ค้างอยู่ในสายยางที่ตากแดดจัดจะร้อนทำให้หญ้าตายได้

จานรองกระถาง ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังที่จานรองตลอดเวลา เพราะอาจจะทำให้รากเน่าได้

การใส่ปุ๋ย สำหรับปุ๋ยเม็ดแนะนำให้ใช้ปุ๋ยละลายช้า อย่าให้เม็ดปุ๋ยติดค้างอยู่ที่ใบและยอด เพราะจะทำให้เกิดอาการใบไหม้ได้ หรืออาจจะให้ปุ๋ยก่อนรดน้ำก็ได้ สำหรับการใส่ปุ๋ยทางใบและฉีดยาฆ่าแมลง ไม่ควรฉีดพ่นในขณะที่อากาศร้อนจัด จะทำให้ใบไหม้และไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ เพราะในช่วงที่อากาศร้อน ปากใบพืชจะปิดเพื่อลดการคายน้ำ

การพรวนดิน พรวนดินให้ร่วนซุยเป็นประจำ เพื่อให้ดินโปร่งและมีช่องว่างในเนื้อดินเพื่อดูดซับน้ำ และช่วยให้น้ำซึมซับลงในดินในระดับที่ลึกกว่าปกติ ถ้าดินแห้งเกินไปอาจใช้วัสดุปลูกมาคลุมแปลงหรือโคนต้น ช่วยดูดซับน้ำ เช่น ขุยมะพร้าว/กาบมะพร้าวสับ เป็นต้น

การตัดแต่งกิ่ง สำหรับไม้ใหญ่ที่ปลูกกลางแจ้ง อาจตัดแต่งกิ่งกระโดง กิ่งเป็นโรค และกิ่งที่ไม่มีความจำเป็น เพื่อลดการคายน้ำของพืช


แชร์หน้านี้
Posted by Pete Ongsuwan in การดูแลต้นไม้
พีทมอส คืออะไร

พีทมอส คืออะไร

เชื่อว่านักปลูกหลายๆท่านรู้จักและคุ้นเคยกับวัสดุปลูกประเภท “พีทมอส” มาบ้างไม่มากก็น้อย และคงเคยเห็น พีทมอส ผ่านตามาแล้วบ้างจากร้านขายต้นไม้หรือร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์การเกษตร แต่สำหรับนักปลูกมือใหม่บางท่านอาจจะยังไม่รู้จักวัสดุปลูกที่เป็นที่นิยมนี้ สวนเกษตร 32 จึงขอนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับ พีทมอส มาฝากกันในบทความนี้

พีทมอส พักพบได้บริเวณพื้นที่ๆมีน้ำท่วมขัง

Image Credits: wikimedia.org, Boréal

การขุดคูเพื่อระบายน้ำก่อนการขุดพีทมอส

Image Credits: wikipedia.org, Sarah777

อะไรคือ พีทมอส?

พีทมอส (Peat Moss) คือวัสดุที่เกิดจากการย่อยสลายของซากมอส (Sphagnum spp.) และซากพืชที่ทับถมกันมานานนับพันปี มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงดำ เนื้อโปร่ง น้ำหนักเบา สะอาด ปราศจากวัชพืช ปลอดเชื้อโรคและเชื้อรา มีคุณสมบัติสามารถรักษาความชื้นได้ดี และมีความเป็นกรดโดยธรรมชาติ (pH 3.0 – 4.0) นอกเหนือจากการนำไปใช้ผลิตเป็นวัสดุปลูกพืชแล้ว พีทมอส ยังถูกนำไปเผาเป็นเชื้อเพลิงได้อีกด้วย

พีทมอส มักพบในบริเวณพื้นที่ๆมีน้ำท่วมขัง ซึ่งมักจะต้องขุดคูเพื่อระบายน้ำบริเวณชั้นผิวหน้าออกไปก่อน จากนั้นจึงขุดพีทมอสขึ้นมาใช้มางานโดยขูดส่วนที่แห้งบริเวณผิวหน้าออกมาก่อน สีของพีทมอสจะบอกได้ถึงอายุและคุณลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกได้เป็นสามกลุ่มดังต่อไปนี้

  • White Peat (สีน้ำตาลอ่อน) เป็นพีทที่มีอายุการทับถมน้อย มักพบชั้นบนของบ่อ ลักษณะเนื้อโดยธรรมชาติจะยังมีความหยาบ มักใช้เป็นส่วนประกอบหลักของการผลิตวัสดุปลูก
  • Brown Peat (สีน้ำตาล) เป็นพีทที่พบที่ความลึกบริเวณกลางบ่อขุด มีลักษณะทางกายภาพอยู่กึ่งกลางระหว่าง White Peat และ Black Peat โดยยังพอสังเกตุเห็นเส้นใยมอสในเนื้อวัสดุได้อยู่บ้าง
  • Black Peat (สีน้ำตาลเข้ม-ดำ) เป็นพีทที่พบในบริเวณส่วนที่ลึกลงไป มีสีน้ำตาลเข้มจนถึงดำ เนื้อมีความละเอียดสูง เมื่อเปียกน้ำจะเก็บความชื้นไว้ได้นาน แต่การระบายอากาศจะไม่ดีด้วยความหนาแน่นของตัววัสดุ

วัสดุปลูกพีทมอส Greenterra (250-L)

วัสดุปลูกพีทมอส Greenterra (70-L)

การนำพีทมอสมาใช้เป็นวัสดุปลูกพืช

วัสดุปลูกพีทมอส (Peat Moss Substrate) คือการนำเอาพีทมอสมาทำการปรับปรุงให้เหมาะกับการนำไปใช้ปลูกพืช ซึ่งส่วนประกอบหลักมักจะเป็น White Peat เนื่องจากมีความโปร่งและการระบายน้ำที่เหมาะสมกับการปลูกพืชโดยทั่วไป (หรือวัสดุปลูกฯบางสูตรอาจมีการผสม Brown-Black Peat ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มคุณลักษณะการเก็บรักษาความชื้น)

การปรับปรุงวัสดุปลูกพีทมอส จะมีองค์ประกอบหลักดังต่อไปนี้

  • คัดแบ่งความละเอียดออกเป็นหลายๆช่วง (ตามลักษณะการนำไปใช้งาน เช่น ชนิดละเอียด (Fine) สำหรับเพาะเมล็ด หรือชนิดกึ่งหยาบ (Semi-Coarse) สำหรับเพาะปลูกไม้กระถางโดยทั่วไป) เป็นต้น
  • ปรับค่าความเป็นกรด-ด่างให้เหมาะกับพืชที่จะปลูก แต่โดยทั่วไปมักจะอยู่ในช่วง pH 5.5 – 6.5
  • เพิ่มปุ๋ยลงไปในส่วนผสม เนื่องจากโดยธรรมชาติของพีทมอสที่ขุดขึ้นมาใหม่จะมีธาตุอาหารในตัววัสดุค่อนข้างต่ำ
  • เติมสารที่ช่วยในการดูดซับน้ำของวัสดุปลูก (Wetting Agent) เนื่องจากเมื่อพีทมอสแห้งสนิทมักจะหดตัวทำให้ซึมซับน้ำได้ไม่ค่อยดี (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่ม Black Peat) แต่เมื่อเปียกชื้นแล้วคุณลักษณะก็จะกลับมาเป็นปกติ ดังนั้นข้อสำคัญอย่างหนึ่งของการใช้วัสดุปลูกพีทมอสก็คือ ไม่ควรปล่อยให้วัสดุปลูกแห้งสนิทมากเกินไป

จะเห็นได้ว่าเราสามารถใช้ประโยชน์จาก พีทมอส ได้หลากหลายด้าน ทั้งการนำไปใช้เพาะเมล็ด การใช้เป็นวัสดุเพาะปลูกพืช หรือนำไปเป็นส่วนผสมกับวัสดุปลูกอื่นๆ (เช่น ขุยมะพร้าว เพอร์ไลต์ เวอมิคูไลต์ หรือแม้กระทั่งดิน เป็นต้น) เพื่อเพิ่มคุณสมบัติที่ดีให้กับวัสดุปลูก และเพื่อให้เหมาะกับการนำไปใช้ปลูกพืชแต่ละชนิดที่แตกต่างกัน


วัสดุปลูกพีทมอส Greenterra G4
ความละเอียด 0-7 ม.ม.

วัสดุปลูกพีทมอส Greenterra G5
ความละเอียด 5-20 ม.ม.

สวนเกษตร 32 เป็นตัวแทนนำเข้าและจำหน่ายวัสดุปลูกพีทมอส Greenterra ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับที่ “สวนเกษตร 32” ใช้ในการปลูกไม้กระถางทุกชนิด

คลิกที่นี่ (PDF)  หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับวัสดุปลูกที่มีจำหน่ายโดย สวนเกษตร 32

เรียนแจ้งว่าราคาสินค้าในแต่ละประเภทอาจมีการปรับเปลี่ยนตามช่วงโปรโมชั่น และราคาต้นทุนของสินค้าในแต่ละล๊อต


แชร์หน้านี้
Posted by Pete Ongsuwan in วัสดุปลูกพืช
5 คุณประโยชน์ดีๆ จากเม็ดดินเผา

5 คุณประโยชน์ดีๆ จากเม็ดดินเผา

เม็ดดินเผา คืออะไร ???

นักปลูกต้นไม้บางท่านอาจมีคำถามในใจว่า “เม็ดดินเผามวลเบา” หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า “เม็ดดินเผา” (Clay Pebbles) นั้นคืออะไร? และเอาไว้ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
 
👉🏻 วันนี้เรามาไขข้อสงสัยกันค่ะ

เม็ดดินเผามวลเบา (Lightweight Expanded Clay Aggregate, LECA)

เป็นวัสดุปลูกที่ทำมาจากการเผาเม็ดดินเหนียวที่อุณหภูมิสูง รูปทรงเป็นเม็ดกลม มีหลากหลายขนาด น้ำหนักเบา มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี ไม่มีการทำปฏิกิริยากับธาตุอาหาร สามารถระบายน้ำและอากาศได้ดี มีโครงสร้างคงทนแข็งแรง ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ กากตะกอนสามารถให้ไนโตรเจน(N) และฟอสฟอรัส(P) ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของพืช อินทรีย์สารจะมีลักษณะใกล้เคียงกับดินที่มีความเหมาะสมต่อการปลูกพืช อีกทั้งยังสามารถนำไปล้างหรือนึ่งฆ่าเชื้อได้ จึงสามารถใช้ซ้ำได้ ไม่เป็นแหล่งสะสมของโรคและแมลงอีกด้วยค่ะ

เม็ดดินเผามวลเบา เป็นวัสดุปลูกที่ทำมาจากการเผาเม็ดดินเหนียวที่อุณหภูมิสูง รูปทรงเป็นเม็ดกลม มีหลากหลายขนาด น้ำหนักเบา มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี ไม่มีการทำปฏิกิริยากับธาตุอาหาร สามารถระบายน้ำและอากาศได้ดี


ประโยชน์ของ “เม็ดดินเผา” ที่มักพบเจอได้บ่อยมีดังนี้ค่ะ

ใช้โรยหน้าดิน

เพื่อเพิ่มความสวยงาม ป้องกันการเจริญเติบโตของวัชพืช ลดการกระจายของดินปลูกเวลารดน้ำ และเนื่องจากเม็ดดินเผามีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้น จึงช่วยกักเก็บความชื้นให้ผิวดิน

ใช้ผสมในดินปลูก

เม็ดดินเผาสามารถนำไปผสมในดินปลูกร่วมกับวัสดุปลูกชนิดอื่นๆได้เพื่อช่วยเพิ่มความโปร่งในดิน สำหรับพืชที่ชอบความโปร่ง อีกทั้งช่วยเก็บกักความชื้นและแร่ธาตุให้แก่พืช นอกจากนี้เม็ดดินเผายังปล่อยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์แก่พืชอีกด้วย

ใช้เพาะเมล็ด

เนื่องด้วยคุณสมบัติที่สามารถกักเก็บความชื้นได้ดี จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการนำมาเพาะเมล็ดค่ะ

ใช้ในการปลูกผักไฮโดรพอนิกส์

เราสามารถใช้เม็ดดินเผาในระบบไฮโดรพอนิกส์แทนการใช้เพอร์ไลท์ได้ เนื่องจากเม็ดดินเผามีน้ำหนักเบา และมีคุณสมบัติดูดซับและกักเก็บความชื้น และเรายังสามารถนำไปล้างแล้วหมุนเวียนมาใช้ซ้ำได้ด้วยค่ะ

ใช้ชำหน่อ ชำกิ่ง ชำใบ

เราสามารถใช้เม็ดดินเผามาชำหน่อพืชจำพวกกระบองเพชร หรือชำกิ่งและชำใบพืชบางประเภทที่สามารถขยายพันธ์ด้วยการชำน้ำได้ เช่น พลูด่าง ไผก่วนอิม กวักมรกต ฯลฯ เม็ดดินเผาจะช่วยประคองส่วนของกิ่ง ใบ หรือหน่อของพืชที่เราชำค่ะ


พอจะเห็นประโยชน์ของเม็ดดินเผากันไปบ้างแล้วนะคะ หากท่านสนใจซื้อเม็ดดินเผาสามารถสั่งซื้อจากร้านค้าของเราทาง Shopee ซึ่งเม็ดดินเผาของเรามีจำหน่ายทั้งหมด 3 ขนาด (S,M,L) เป็นสินค้าเกรดพรีเมียม 
✅ นำเข้าจากต่างประเทศ และวางจำหน่ายในถุงบรรจุขนาด 10 ลิตร และ 35 ลิตร แพคบรรจุอย่างดีก่อนนำส่ง 📦 คุณลูกค้าจึงสามารถมั่นใจในคุณภาพได้เลยค่ะ  

อย่างไรก็ตามขอเรียนแจ้งว่า สีและขนาดของเม็ดดินเผาจากแต่ละแหล่งหรือแต่ละยี่ห้อนั้น จะมีความแตกต่างกัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเม็ดดินเผาของ สวนเกษตร 32 สามารถดูเพิ่มเติมได้จาก link ต่อไปนี้เลยค่ะ


แชร์หน้านี้
Posted by Ornusa Ongsuwan in วัสดุปลูกพืช
การดูแลไม้กระถางเบื้องต้น

การดูแลไม้กระถางเบื้องต้น

พืชทุกชนิด แม้ว่าจะต้องการ น้ำ แร่ธาตุ แสง และก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ในการสังเคราะแสงเหมือนๆกัน อย่างไรก็ตาม พืชแต่ละชนิด ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกัน ในการปลูกเลี้ยง และดูแลรักษา ผู้ปลูกทุกท่าน อาจใช้ข้อมูลดังต่อไปนี้ เป็นแนวทางหลัก ในการเลี้ยงดูไม้ดอก ไม้ประดับ เพื่อให้พันธุ์ไม้ของท่าน มีความสมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ


หน้าวัว (Anthurium)

  • แนะนำให้ใช้เครื่องปลูกร่วนโปร่ง เช่น
    พีทมอสหยาบ กาบมะพร้าวสับ เป็นต้น
  • ต้องการแสงร่ม-รำไร ควรพรางแสงประมาณ 50-60% RH
  • ความชื้นปานกลาง รดน้ำวันละครั้ง หรือวันเว้นวัน (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และความชื้นในวัสดุปลูก)
  • ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถาง
  • หากต้องการให้ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยเม็ดละลายช้า สูตร 17-17-17 ในปริมาณ 1-2 กรัม ทุก 1-2 เดือน (กระถาง 7 นิ้ว)

บีโกเนีย (Begonia)

  • เครื่องปลูก ควรเป็นวัสดุร่วนโปร่ง ระบายน้ำได้ดี
  • ต้องการแสงร่ม-รำไร ไม่ควรให้ถูกแสงแดดโดยตรง
  • ควรรดน้ำวันเว้นวัน (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และความชื้นในวัสดุปลูก)
  • อย่าปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถาง
  • หากต้องการให้ปุ๋ย อาจใช้หลักดังต่อไปนี้
  • รดด้วยปุ๋ยเกร็ดสูตร 20-20-20 (ละลายน้ำในอัตรา ปุ๋ย 1 กรัม ต่อ น้ำ 1 ลิตร) สัปดาห์ละครั้ง
  • หรือ ใช้ปุ๋ยเม็ดละลายช้า สูตร 17-17-17 ในปริมาณ 1 กรัม ทุก 1-2 เดือน

ไซคลาเมน (Cyclamen)

  • เครื่องปลูก ควรเป็นวัสดุร่วนโปร่ง ระบายน้ำได้ดี
  • ต้องการแสงร่ม-รำไร ควรพรางแสงประมาณ 50-60%
  • ควรรดน้ำวันเว้นวัน (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และความชื้นในวัสดุปลูก)
  • การรดน้ำ ไม่ควรให้ดินแฉะ เนื่องจากรากและหัวจะเน่า และไม่ควรรดน้ำโดนบริเวณดอกและใบ
  • อย่าปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถาง

พืชตระกูลเฟิร์น (Ferns)

  • เครื่องปลูก ควรเป็นวัสดุร่วนโปร่ง ระบายน้ำได้ดี
  • ต้องการแสงร่ม-รำไร ไม่ควรให้ถูกแสงแดดโดยตรง
  • ควรรดน้ำวันละครั้ง หรือวันเว้นวัน ไม่ควรรดจนแฉะ
  • ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถาง
  • หากต้องการให้ปุ๋ย สำหรับกระถางขนาด 5 นิ้ว อาจใช้หลักดังต่อไปนี้
  • รดด้วยปุ๋ยเกร็ดสูตร 20-20-20 (ละลายน้ำในอัตรา ปุ๋ย 1 กรัม ต่อ น้ำ 1 ลิตร) สัปดาห์ละครั้ง
  • หรือ ใช้ปุ๋ยเม็ดละลายช้า สูตร 17-17-17 ในปริมาณ 1 กรัม ทุก 1-2 เดือน

พืชตระกูลคล้า (Calathea, Ctenanthe, Maranta)

  • เครื่องปลูก ควรเป็นวัสดุร่วนโปร่ง ระบายน้ำได้ดี
  • ต้องการแสงร่ม-รำไร
  • ควรรดน้ำวันละครั้ง วันเว้นวัน ไม่ควรรดจนแฉะ
  • ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถาง
  • การให้ปุ๋ย สามารถใช้หลักเช่นเดียวกับพืชตระกูลเฟิร์น

พืชตระกูลอโลคาเซีย, โคโลคาเซีย (Alocasia, Colocasia)

  • เครื่องปลูก ควรเป็นวัสดุร่วนโปร่ง ระบายน้ำได้ดี
  • ต้องการแสงร่ม-รำไร
  • ความชื้นปานกลาง ไม่ควรให้แฉะมาก
  • ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถาง
  • อุณหภูมิที่เหมาะสม ประมาณ 20-35 องศาเซลเซียส
  • การให้ปุ๋ย สามารถใช้หลักเช่นเดียวกับพืชตระกูลเฟิร์น

รายละเอียดข้างต้นเป็นเพียงแนวทางในการดูแล ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อมที่ต้นไม้อาศัยอยู่
ดังนั้นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ผู้ปลูกต้องหมั่นสังเกตุอาการของไม้กระถางไปด้วย
เช่น หากเป็นช่วงที่ฝนตกบ่อย ความชื้นในอากาศสูง วัสดุปลูกยังชื้นอยู่ ก็อาจงดการรดน้ำไปก่อนได้ค่ะ

นอกจากไม้กระถางตามรายการข้างต้นแล้ว
สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับการดูแลไม้กระถางอื่นๆได้จาก Tag นี้ค่ะ
https://www.kaset32farm.com/tag/การดูแลไม้กระถาง/


แชร์หน้านี้
Posted by Pete Ongsuwan in การดูแลต้นไม้